บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2007

จำเลยสังคม

รูปภาพ
จำเลยสังคม      เมื่อสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นเช่นนี้ทำให้คนทุกคนเป็นหนี้ทำให้อยู่ไม่เป็นสุขแล้วมักจะโทษผู้อื่นในเรื่องต่างๆมากมายเพราะไม่เข้าใจคนทุกวันนี้กำลังมองในแง่เดียวคือหนี้ที่เป็นตัวเงินตัวทองเท่านั้น คนเรามีหนี้อยู่ 3 อย่าง หนี้ชีวิต คือ หนี้ที่เกิดจากการกิน เพราะคนเราเกิดมาจะต้องกินถึงแม้ไม่มีกินจะต้องดิ้นรนขนขวายมากินให้ได้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็จะเอาด้วยกลเหมือนท่านแม้ว เรื่องกินเรื่องเล็ก(บางคนกินจนฉิบ...หาย)แต่....ไม่ได้กินเป็นเรื่องใหญ่เลย หนี้เงิน คือ หนี้ที่เกิดจากการกู้ ซึ่งมีทั้งกู้ในระบบ และกู้นอกระบบ ที่สำคัญมีวงจรอุบาทว์ให้เห็นมากมายมันมาพร้อมกับปัญหาคือ กู้จากที่นี่ ไปใช้ที่นั่น กู้จากที่นั่น มาใช้ที่นี่ พอกู้จากที่นั่น ที่นี่ ไม่ได้ปํญหาก็เลยตามมาคือเป็นดินพอกหางหมูสุดท้ายก็เลยเป็นหนี้แล้วเกิดคำว่า"จน เคลียด กินเหล้า" หนี้ชาติ คือ หนี้ที่เกิดจากการช่วยชาติเช่นการภาษีต่างๆ จากปัญหาการเป็นหนี้ทำให้พี่น้องที่อยู่บนดอยไม่อาจทนอยู่แต่บ้านได้ ในชุมชนอีกต่อไปได้เนื่องพี่น้องไม่มีที่ทำกิน ไม่สามารถอยู่กับป่าได้อีกต่อไปเนื่องป่าชุมชนที่ได้อยู่กันมา ได้อนุรั

ความอยุติธรรม=ความยุติธรรมใช่หรือ?

รูปภาพ
ความอยุติธรรม=ความยุติธรรมใช่หรือ? เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่าสภาพเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันค่อนข้างจะแย่มากทำให้สังคมไทยได้รับผลกระทบไปโดยทั่ว เท่าถึง กันหมดไม่ว่าจะชนชั้นใด อยู่ภูมิประเทศ พื้นที่ใดก็ตาม ทำให้ได้รับความเดือดร้อนกันหมด และยิ่งกว่านั้นมีคนกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงกว่าผู้อื่นที่เป็นมนุษย์ด้วยกันคือในกลุ่มของพี่น้องชาติพันธุ์ที่ไม่มีสิทธิบัตรอะไรเลย เนื่องจากว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้รับการบริการจากที่ใดๆเท่ากับผู้อื่น บางครั้งถูกปฏิเสธการรักษาจากรพ.ของรัฐบางแห่ง บางครั้งเขาได้รับยาไม่ครบทั้งๆที่ยาตัวนั้นเขาจะต้องกิน ไม่กินไม่ได้เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตทั้งชีวิต เพราะนั่นหมายความว่าชีวิตของเขาก็สำคัญเท่ากับคนทั่วไปเช่นกันแต่เพียงเพราะเขาไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนทำให้เขาไม่ได้รับการบริการที่ดี และบางครั้งถูกปฏิเสธการรักษานี่หรือคือความยุติธรรมของคนใครเล่าจะรู้?(พระเจ้าเท่านั้น.....ที่รู้)สภาพเศรษฐกิจทำให้จิตใจคนต่ำลงเรื่อยๆเรื่อยๆเรื่อยๆ....และเรื่อยๆ นี่คนนะไม่ใช่แมว! คนบางคนถูกปฏิเสธไม่ให้รับยาที่จำเป็นที่สุดสำหรับชีวิตของเขาเหตผลคือ.....เขาไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน=เขาเป็นคน

เรื่องเล่าจากชีวิตจริง

รูปภาพ
เรื่องเล่าจากชีวิตจริงของ นายบะเม่ จะที นายบะเม่ จะที อายุ 36 ปี บ้านเดิมอยู่ที่บ้านห้วยตาด ต.อินทขิน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ แต่ปัจจุบันอยู่บ้านห้วยละโบ๊ ต.บ้านเป้า อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นายบะเม่ เคยแต่งงานมาก่อนครั้งหนึ่งกับนางลิเม่ จะที และมีลูกด้วยกัน 1 คนชื่อเด็กหญิงอลิซาเบ็ธ จะที อายุ 12 ขวบ (ปัจจุบันอาศัยอยู่กับตา-ยายบ้านภภรยาก่อน) หลังจากที่แม่เสียเสียชีวิตไป คุณบะเม่ จะทีก็ได้ไปแต่งงานใหม่กับกับนางนาแส จะที และมีบุตรด้วยกัน 3 คน คนที่ 1 ชื่อเด็กหญิงนาไพร จะที อายุ 7 ขวบ คนที่2 ชื่อเด็กชายยอละ จะที อายุ 6 ขวบ คนที่3 ชื่อเด็กหญิง....เกิด 5/08/2549 ขวบ เรา รู้จักกับครอบครัวบะเม่ จะที โดยการประสานจากคริสตจักรนาซารีนอำเภอแม่แตง เนื่องจากว่าเคยได้ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อคนหนึ่งที่มานมัสการที่โบสถ์แม่แตงเมื่อก่อนหน้านี้ ในครั้งแรกเราได้นัดลงมาทั้งครอบครัวคือทั้งสามี และภรรยา เพื่อนำไปตรวจหาค่าภูมิคุ้มกันที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อเอาไปฝากเข้าโครงการวิจัยยาต้านไวรัสของสถาบันวิจัยสุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผลปรากฏว่าทางคุณบะเม่ จะที นั้นมีภูมิคุ้มชนิดซีดีสี่เป็นศูนย์ ขณะที่ภรรยาม

นี่หรือชิดขวา?

รูปภาพ
นี่หรือชิดขวา ?      เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า บ่ายวันหนึ่งผมได้พาคนไข้(ผู้ติดเชื้อHIV)คนหนึ่งไปซื้อกับข้าวที่ตลาดในเมืองเชียงใหม่ซึ่งใช้เวลาจากบ้านพักถึงตลาดก็ไม่ไกลสักเท่าไร และโดยที่ตนเองเป็นคนชอบเร่งรีบมากจึงคิดว่าไม่มีปัญหาอะไรจึงได้จอดรถยนต์ไว้ตรงกันข้ามกับเรนที่เราขับขี่ผ่านมาโดยหันหน้าไปทางเดียวกับทางที่เราขับขี่เนื่องจากเห็นว่าที่มันว่างๆพอดี ผลปรากฏว่าเดินเข้าตลาดเพียงไม่กี่นาทีรถยนต์ก็โดนล็อคล้อเรียบร้อย หลังจากที่วิ่งกลับมาเจอพอดีก็เลยถามแม่ค้าที่อยู่แถวนั้นเขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาก็มา เราสองคนก็ยืนรอที่นั่นประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไปก็มีจราจรผ่านมา เราก็เรียกเขาแต่เขาไม่ได้จอดเพียงแต่เอิ้นบอกมาว่าเดี๋ยวมา เราก็เลยยืนตากแดดรออีกประมาณสิบห้านาทีเขาก็มาพอดี ระหว่างรอแดดร้อนมากเช็ดเหงื่อตลอดเวลาคนไข้ก็เกือบจะเป็นลมจึงได้ให้ไปนั่งพักในร้านค้า เมื่อเจ้าหน้าที่จราจรมาถึงผมเองก็ได้ถามกับเขาโดยความไม่รู้ว่า...พี่ๆทำไมจึงล็อคล้อรถผม? แล้วเขาก็ตอบมาว่า....ก็คุณจอดชิดขวานี่....แต่เรายังไม่เข้าใจอีกก็เลยถามต่อไปว่าเอ้า...!พี่ทำไมถึงจอดไม่ได้ล่ะ?....เขาก็ตอบมาว่าไม่ใช่ว่าจอดไม่ได้แต่คุณจะต้องจอ

ชีวิตวันนี้ของนายบะเม่ จะที 2

รูปภาพ
เรื่องเล่าจากชีวิตจริงของบะเม่ ชีวิตวันนี้ของนายบะเม่ จะที 2 นายบะเม่ จะที ในปัจจุบันยังคงพักฟื้นร่างกายและรักษาตัวอยู่ที่บ้านสบาย หากเราสังเกตดูเฉพาะภายนอกร่างกายแล้วดูดีขึ้นมามาก หลังจากที่ได้รับยาต้านไวรัส ควบคู่กับยารักษาวัณโรคทั้งๆที่เมื่อแพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยแล้วไม่พบว่ามีเชื้อวัณโรคเลยเพียงแต่ว่าอาการที่เขากำลังเป็นอยู่นั้นเป็นเหมือนกับคนที่กำลังป่วยเป็นวัณโรค นี่ก็เป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้วที่เขารับยาต้านไวรัสพร้อมยาวัณโรค ที่ผ่านมาเขาได้รับการช่วยเหลือในเรื่องของค่ารักษาจากบ้านสบายตลอดมาจนถึงเวลานี้ เมื่อเราดูจากภายนอกแล้วเหมือนร่างกายของเขาจะดีขึ้นมากและแข็งแรงกินอาหารได้ตามปกติทุกอย่าง แต่จากการให้คำปรึกษา / คำแนะนำ และพูดคุยปรากฏว่าเขาไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเลย เขาจะรู้สึกอ่อนเพลียตลอดเวลา เมื่อเราถาม ได้เจาะลึกลงไปว่ากำลังคิดอะไรและตอนนี้รู้สึกอย่างไร? เขาก็บอกว่าคิดถึงบ้าน คิดถึงลูกและภรรยา ในที่สุดทางเจ้าหน้าที่บ้านสบายก็ได้ส่งเขากลับไปเยี่ยมที่บ้านเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2007 โดยได้ไปส่งเขาที่บ้านและปล่อยให้อยู่กับลูกและภรรยาหลายชั่วโมง แล้วจึงได้ไปรับกลับมาก็รู้สึกดูกระปรี่กร